สิวอุดตัน เป็นแล้วเป็นอีก รักษาให้หายได้ อย่าทนมันอีกเลย

สิวเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเจอ ปัจจุบันมีทางรักษาสิวได้หลายวิธี ทั้งการรักษาสิวด้วยตัวเอง และการให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลไปจนกว่าสิวจะหาย คนส่วนใหญ่รักษาสิวด้วยตัวเองไม่หาย และไม่ดีขึ้น จึงนิยมเข้าคลินิกเพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญช่วยทำการรักษาแทนให้ ซึ่งส่งผลกระทบกับค่าใช้จ่ายในกระเป๋าค่อนข้างมาก จึงเป็นที่มาของการคิดหาวิธี ค้นคว้าเพื่อให้เกิดนวัตกรรม หรือการพัฒนาเครื่องมือต่าง ๆ เพิ่มวิวัฒนาการกันไปเรื่อย ๆ เพื่อมาช่วยตอบสนองความต้องการให้กับคนส่วนใหญ่ที่ประสบปัญหาหน้าเป็นสิวกันมากยิ่งขึ้น

สิวมีหลายชนิด และมีลักษณะอาการที่แตกต่างกันไป

สิว หรือ สามารถแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ตามลักษณะการเกิดสิว คือ 1. สิวที่เกิดจากการอุดตันตามธรรมชาติ ได้แก่ สิวอักเสบและสิวอุดตัน และ 2. สิวที่เกิดจากสารเคมี ได้แก่สิวแพ้ยา,ผื่นคล้ายสิว, สิวเทียม, สิวผดจากยีสต์,สิวสเตอรอยด์ (steroid) เป็นต้น ซึ่งลักษณะอาการของสิวจะเป็นมากเป็นน้อย เป็นแล้วหายช้า หายเร็ว หรือลุกลามแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ในบทความนี้จะอธิบายถึงชนิดและลักษณะของสิวอุดตันที่น่าสนใจ ทำให้รู้จักสิวอุดตันกันมากขึ้นดังต่อไปนี้

ชนิดและลักษณะของสิวอุดตัน

สิวอุดตันแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1. สิวอุดตันหัวขาว (White head) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า สิวอุดตันหัวปิด (Closed Comedone) ลักษณะของสิวอุดตันหัวขาวจะเหมือนเป็นตุ่มสีเนื้อ (สีเดียวกับผิว) หัวสิวอยู่ใต้ชั้นผิว ไม่โผล่ขึ้นมา
2. สิวอุดตันหัวดำ (Black head) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า สิวอุดตันหัวเปิด (Open Comedone) ลักษณะของสิวอุดตันหัวดำ จะมองเห็นเป็นตุ่มเล็กสีดำ อุดตันอยู่ในรูขุมขน เป็นหัวโผล่ขึ้นมาให้เห็น
ปกติแล้วจะนิยมเรียกชื่อสิวอุดตันตามลักษณะทางกายภาพที่มองเห็นคือ สิวอุดตันหัวขาว หรือสิวอุดตันหัวดำ ส่วนชื่อสิวอุดตันหัวปิด และสิวอุดตันหัวเปิดนั้น เรียกตามลักษณะของรูขุมขนที่จะอธิบายต่อในหัวข้อถัดไป

สิวอุดตันทั้ง 2 ชนิดเกิดขึ้นได้อย่างไร

สาเหตุของการเป็นสิวอุดตันหัวขาว และสิวอุดตันหัวดำ เกิดขึ้นจากลักษณะของการอุดตันบริเวณรูขุมขนที่แตกต่างกัน ทั้งแบบรูขุมขนกว้าง และรูขุมขนแคบ ลักษณะของรูขุมขนทั้งสองแบบสามารถทำให้เกิดสิวอุดตันได้ทั้งคู่

สิวอุดตันหัวขาวหรือหัวปิด (Closed Comedone)

เกิดจากลักษณะของรูขุมขนที่แคบมากจนเหมือนปิดอยู่ทำให้ไขมันไม่ได้ระบายออกมา จึงเกิดการอุดตันอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง และเมื่อปล่อยทิ้งไว้ เชื้อแบทที่เรีย P. Acne ที่กินไขมันเป็นอาหารจะเจริญเติบโตขึ้น กลายเป็นสิวอยู่ใต้ชั้นผิว ทำให้เห็นเป็นตุ่มสิวนูนขึ้นมา

สิวอุดตันหัวดำหรือหัวเปิด (Open Comedone)

เกิดจากลักษณะของรูขุมขนที่เปิดอยู่แล้วมีสิ่งสกปรกเข้ามาอุดตัน ทำให้ไขมันใต้ชั้นผิวรวมตัวกับสิ่งสกปรกและเชื้อแบททีเรีย P. Acne จึงเกิดเป็นสิวอุดตันหัวสีดำอยู่ที่รูขุมขน จะพบมากที่บริเวณจมูก และทีโซน ที่มีความมันมากกว่าบริเวณอื่น

วิธีการรักษาสิวอุดตัน มีหลากหลายวิธี ต่างมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป

เมื่อพบปัญหาที่แท้จริงของการเป็นสิวอุดตัน จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดวิธีการต่าง ๆ ในการที่จะกำจัด รักษา และป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดสิวอุดตันขึ้นมาอีก ในบทความนี้ได้อธิบายถึงวิธีการกำจัดหรือรักษาอาการสิวอุดตันว่ามีวิธีการอย่างไรบ้าง

วิธีกดสิว ตรงจุดแต่หน้าอักเสบ

การกดสิว (Comedo extraction) คือหัตถการซึ่งนำเอาอุปกรณ์ที่เรียกว่า Extractor มาใช้เพื่อเอา Content ออกจากรอยโรค ที่เรียกว่าสิวอุดตัน (Comedo) ซึ่งไม่ควรทำกับสิวชนิดอื่นที่ไม่มี Content เพราะอาจทำให้อาการสิวแย่ลงไปอีก

ใช้อุปกรณ์หลัก คือ

1. เข็มปลอดเชื้อชนิดใช้แล้วทิ้ง (Sterile disposable needle) เบอร์ 18 หรือ 20
2. อุปกรณ์กดสิว (Extractor) มีหลายชนิดและหลายขนาด การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความถนัดของแพทย์และลักษณะของรอยโรค
3. ผ้าก๊อซ สำลีก้อน
4. 70% แอลกอฮอล์ หรือ 0.5 Chlor-hexidine เพื่อทำความสะอาดผิวหนังก่อนทำการกดสิว
5. น้ำเกลือ (0.9% Normal saline) เพื่อทำความสะอาดผิวหนังภายหลังกดสิว

ขั้นตอนการกดสิว

1. การกดสิวจะกระทำได้ง่ายขึ้น หากทำให้หัวสิวนิ่มขึ้นโดยวิธีต่าง ๆ เช่น การประคบด้วยน้ำอุ่น 10 -15 นาทีก่อนทำการกด หรือการทายาชนิดละลายหัวสิว เช่น Topical retinoids (Tretinoin, Adapalene), Benzoyl peroxide, Salicylic acid เป็นต้น ประมาณ 2-4 สัปดาห์ก่อนการกดสิว
2. ทำความสะอาดบริเวณที่จะทำการกดสิวด้วยสำลีชุบ 70% แอลกอฮอล์ หรือ 0.5% Chlorhexidine
3. หากเป็นสิวอุดตันชนิดหัวปิด ควรสะกิดผิวหนังบริเวณส่วนกลางรอยโรคด้วยปลายเข็มปลอดเชื้อก่อนทำการกดออก เพื่อเป็นการเปิดหัวสิว หากสิวอุดตันเป็นชนิดหัวเปิด อาจใช้เข็มสะกิดเพื่อเปิดหัวสิวให้กว้างขึ้น หรือไม่ต้องใช้เข็มสะกิดก็ได้หากหัวเปิดมากแล้ว
4. วางอุปกรณ์กดสิวลงบนรอยโรค โดยให้ช่องว่างบริเวณส่วนปลายของอุปกรณ์อยู่ตรงตำแหน่งรอยสะกิดหรือรูเปิด แล้วค่อยๆ กดลงช้า ๆ ในทิศทางตั้งฉากกับผิวหนัง Content ภายในจะถูกดันขึ้นมาในช่องว่างของอุปกรณ์กดสิว
5. หลังจากกด Content ภายในรอยโรคออกหมดแล้ว ใช้ผ้าก๊อซปลอดเชื้อชุบน้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดผิวหนัง

ผลข้างเคียงจากการกดสิว ได้แก่

1. ผิวหนังบริเวณที่ทำการรักษามีอาการบวมแดงเฉพาะที่ หรือเกิดรอยจ้ำเลือดเล็ก ๆ บริเวณที่กด
2. เกิดการอักเสบและติดเชื้อซ้ำซ้อน
3. รอยดำที่เกิดขึ้นภายหลังจากการกด
4. รอยแผลเป็น ซึ่งอาจเป็นแผลหลุม ที่เกิดจากการกดแรงเกินไป
5. Content บางส่วนถูกผลักดันให้เข้าไปในชั้นหนังแท้ ทำให้เกิด Foreign body reaction ได้

วิธีการทางธรรมชาติ ปลอดภัย ไม่สิ้นเปลือง แต่ไม่ค่อยเห็นผล

วิธีการทางธรรมชาติ ที่ช่วยรักษาสิวอุดตันได้ดีในระดับหนึ่ง (ไม่มาก) สามารถทำได้โดยใช้วัตถุดิบทางธรรมชาติ ได้แก่ ไข่ขาว หรือน้ำผึ้ง หรือน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น นำวัตถุดิบดังกล่าวมาพอกที่หน้าประมาณ 10-20 นาที ทำทุก 3 วัน ประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไปจึงจะเริ่มเห็นผล สิวอุดตันทั้งหลายจะลดลง วิธีนี้ปลอดภัยและไม่สิ้นเปลือง แต่ใช่ว่าจะใช้ได้ผลกับทุกคน เพราะผิวของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป

วิธีใช้ยาทา หรือสารเคมี เห็นผลระดับกลาง แต่ผลข้างเคียงเพียบ

วิธีใช้ยาทาละลายสิวอุดตัน ใช้ทาก่อนล้างหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วค่อยล้างออก เพียงใช้วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ตัวยาจะเข้าไปทำปฏิกิริยา คือ ช่วยลดปริมาณไขมันบนผิวหน้าและขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขนได้ ตัวยาที่ใช้สำหรับละลายสิวอุดตัน ได้แก่ ตัวยา Benzoyl peroxide – BP หรือ ยาบีพี ที่สามารถช่วยลดสิวอุดตันได้ในระดับปานกลาง สำหรับผู้เริ่มใช้ควรใช้ที่ขนาดความเข้มข้นต่ำก่อน เมื่อผิวเริ่มชินกับยาแล้ว จึงค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาการทายาให้นานขึ้น และเพิ่มความเข้มข้นของยาขึ้น ไขมันที่อุดตันก็จะถูกละลาย และสามารถกดออกมาได้โดยง่าย หมายความว่าสามารถใช้วิธีนี้ร่วมกับวิธีกดสิวในข้อแรกได้ ส่วนผลข้างเคียงของการทายานี้จะทำให้ผิวหน้าบอบบาง ระคายเคืองผิว หรือแพ้ง่าย หน้าแดง ลอกเป็นขุย จนถึงรู้สึกแสบหน้าได้ และไม่ควรโดนแสงแดดแรง ๆ เป็นอย่างยิ่ง

การใช้เทคโนโลยี เห็นผลรวดเร็ว ปลอดภัย แต่ค่าใช้จ่ายสูง

การทำเลเซอร์ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เห็นผลชัดเจน และหายขาดได้ เป็นการช่วยกำจัดสิวด้วยเทคโนโลยีแสงเลเซอร์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนังและเลเซอร์เป็นผู้ทำให้เท่านั้น หรืออีกนัยนึง คือต้องไปทำที่คลินิก ซึ่งนั่นจะมีเรื่องของการเสียเวลา การเดินทาง และค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างที่จะสูงมากตามมาอีกด้วย อีกทั้งจะรู้สึกเจ็บขณะที่ทำเลเซอร์ จึงต้องกลับมาพักรักษาหน้าเพราะหน้าจะบวมแดงหลังทำเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล และห้ามถูกแดด ซึ่งถ้ารักษาด้วยวิธีนี้ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงและอดทนได้ เพื่อผลลัพธ์ในระยะยาว
เมื่อกำจัดสิวอุดตันออกมาได้แล้วใช้ว่าการรักษาจะสมบูรณ์แบบ เพราะปัญหาไม่ได้จบที่สิวอุดตันหายไป หลังการรักษายังคงทิ้งปัญหารอยแผลเป็นจากสิวไว้อยู่ ขั้นตอนต่อไปของการแก้ปัญหา คือต้องใช้เครื่องประทินผิวหรือครีมบำรุงผิวต่าง ๆ ที่มักเห็นผลช้า และใช้เวลาหลายวันกว่ารอยสิวจะหายไป ซึ่งมีวิธีที่ทำให้รอยแผลเป็นจากสิวหายเร็วกว่านั้น เพียงชั่วข้ามคืน แถมช่วยให้หน้าดีขึ้นไปพร้อมกัน นั่นคือการทำทรีทเมนต์ IPL ที่ไม่จำเป็นต้องไปทำที่คลินิกอีกต่อไป สามารถทำ IPL ได้เองที่บ้าน อย่างปลอดภัย อีกข้อดีของการทำทรีทเมนต์ IPL คือจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้ดีขึ้นทั่วใบหน้าได้ ต่างจากเลเซอร์ที่ทำให้รอยแผลเป็นจากสิวหายไปเพียงอย่างเดียว และไม่สามารถทำเองได้ ต้องไปทำที่คลินิกโดยผู้เชี่ยนชาญเท่านั้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *