เมื่อเทรนสาวหน้าใสสไตล์เกาหลีกำลังมาแรง สาวๆ คงอยากมีผิวที่ดูสุขภาพดีอิ่มน้ำ ชุ่มชื้น และไม่หมองคล้ำ วิธีที่ดีที่สุดคือการบำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิวของเรา ดังนั้น เราควรรู้ก่อนว่าผิวของเรานั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร ผิวของคนเราสามารถแบ่งได้ออกเป็น 4 ลักษณะ ได้แก่
– ผิวธรรมดา เป็นผิวที่มีความสมดุล (Eudermic) หรือที่เราเรียกว่าผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำ มีโครงสร้างผิวที่ดี ไม่ก่อให้เกิดปัญหาผิวในระยะยาว
– ผิวแห้ง เป็นผิวที่ขาดกรดไขมันที่จำเป็น อาทิ เซราไมด์ (Ceramide) และคอเลสเตอรอล (Cholesterol) ซึ่งเป็นเกราะป้องกันผิวโดยธรรมชาติ ผู้ที่ประสบปัญหาผิวแห้งจะมีลักษณะใบหน้าหยาบกร้าน เป็นขุยได้ง่าย โดยอีกสาเหตุหนึ่งของปัญหามาจากการขาดความชุ่มชื้นจาก ยูเรีย กรดอะมิโน หรือกรดแลคติกที่ร่างกายสร้างขึ้น
– ผิวมัน เป็นสภาพผิวที่มีการผลิตน้ำมันเกินไป และมีรูขุมขนขนาดใหญ่ ส่งผลให้เกิดการอุดตันของสิ่งสกปรกได้ง่าย และมีปัญหาสิวตามมา
– ผิวผสม เป็นชนิดผิวที่มีความมันเกิดขึ้นบริเวณทีโซน ซึ่งเป็นโซนที่เกิดสิวได้ง่าย และมีผิวแห้งบริเวณข้างแก้ม
ปัญหาผิวที่สามารถเกิดขึ้นได้ หากผิวขาดความชุ่มชื้น
จากผิวทั้ง 4 ลักษณะนั้น มักจะมีปัญหา ผิวเป็นขุย ผิวไม่เรียบเนียน ผิวหยาบกร้าน ผิวมันสลับกับแห้งตลอดทั้งวัน เครื่องสำอางอยู่ไม่ทนหรือตกร่อง และในกรณีที่ผิวขาดน้ำหรือขาดความชุ่มชื้น จะส่งผลให้เกิดอาการแพ้ เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ จากเหตุผลข้างต้น ผิวที่มีความชุ่มชื้นจึงเป็นหนึ่งในสิ่งสาวๆ ทุกคนปรารถนา โดยผิวที่มีความชุ่มชื้นสุขภาพดีจะสามารถสร้างมอยส์เจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) ภายใต้ชั้นผิวได้เอง ร่างกายจะสร้างกลไกปกป้องชั้นผิว อาทิ กรดอะมิโน ที่ทำหน้าที่ดึงน้ำเข้าสู่ผิว ส่งผลให้ผิวของคุณสามารถรักษาความยืดหยุ่น มีความอ่อนนุ่ม และดูมีความชุ่มชื้นตลอดเวลาแม้ไม่ทาครีม ซึ่งความชุ่มชื้นของผิวหน้าจะทำให้คุณมีผิวพรรณที่สดใส เปล่งปลั่ง ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย และคงความอ่อนเยาว์ได้
มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ตัวช่วยที่สำคัญในการรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว เพื่อช่วยให้ผิวสุขภาพดี ป้องกันการเกิดริ้วรอย และบำรุงให้ผิวดูอ่อนเยาว์
ผิวที่มีความชุ่มชื้นเป็นหนึ่งในลักษณะที่บ่งบอกว่าผิวของคุณมีสุขภาพที่ดี โดยผิวที่มีความชุ่มชื้นจะสามารถสร้างมอยส์เจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) ภายใต้ชั้นผิวได้เอง ส่งผลให้ผิวของคุณจะดูมีผิวชุ่มชื้นตลอดเวลาแม้ไม่ทาครีม ความชุ่มชื้นของผิวหน้านั้นจะทำให้คุณมีผิวพรรณที่สดใส เปล่งปลั่ง ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย และคงความอ่อนเยาว์ได้ สำหรับวิธีการดูแลผิวหน้าให้มีความชุ่มชื้นมี 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรือผลิตภัณฑ์มาส์กหน้า Sleeping Mask ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารคงความชุ่มชื้นของผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ได้แก่ เซราไมด์ (Ceramide), กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid), กลีเซอรรีน (Glycerin), ลาโนลิน (Lanolin) เป็นต้น ขั้นตอนการใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดและลดการสูญเสียน้ำ และขั้นตอนสุดท้ายคือการดื่มน้ำสะอาด ซึ่งเป็นการดูแลให้ผิวชุ่มชื้นที่เราสามารถทำได้เองทางอ้อม
ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นเป็นสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยได้ง่าย ดังนั้นการดูแลให้ผิวชุ่มชื้นจึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรจะละเลยสำหรับสาวๆทุกคน
นอกจากการบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้นและสวยใสด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของของสารคงความชุ่มชื้นตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของผิว การทานผักผลไม้ที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อที่จะช่วยทำให้ผิวของเราสามารถคงความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
วิธีการทำให้หน้าชุ่มชื้นแบบธรรมชาติบำบัดแบบง่ายๆ
– การทาผิวหน้าด้วยน้ำผึ้งทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำเย็น
– การมาร์คหน้าด้วยแตงกวาที่ฝานเป็นแผ่นบางๆ ทิ้งไว้ประมาณ 30-60 นาที และล้างหน้าด้วยน้ำเย็น
– การพอกหน้าด้วยกล้วยบด 1 ผล ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้งมากๆ
– การนวดหน้าด้วยน้ำมันมะพร้าวอุ่น 3 ช้อนโต๊ะ และมาร์คทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผิวหน้าของคุณกำลังแห้งขาดความชุ่มชื้น
โดยเราสามารถสังเกตจากผิวหน้าจะมีลักษณะ แห้งเป็นขุย ผิวไม่เรียบเนียนแต่ดูหยาบกร้าน ผิวจะมีความมันสลับกับแห้งแบบไม่เป็นเวลา แต่งหน้าแล้วเครื่องสำอางอยู่ไม่ทน/ตกร่อง ผิวหน้าไม่สดใส และในกรณีที่ผิวขาดน้ำมากๆ จะส่งผลให้เกิดอาการเป็นผื่นแพ้ ผิวหน้าที่ขาดความชุ่มชื้นเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา เช่น ผิวคล้ำ เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ สาเหตุที่ทำให้ผิวแห้งเสียมีปัจจัยมากจาก อายุที่มากขึ้นทำให้ต่อมไขมันสามารถผลิตน้ำมันได้น้อยลงส่งผลให้ผิวหนังไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ และความถี่ในการผลัดเซลล์ผิวลดลง เนื่องจากเซลล์ผิวเริ่มมีการเสื่อมสภาพ ดื่มน้ำน้อย ไม่ทาครีมบำรุงผิว สาเหตุจากรังสี UV จากแสดงแดด อากาศแห้ง มลภาวะในอากาศ การดื่มแอลกอฮอล์/สูบบุหรี่ นอนน้อย และความเครียด เป็นต้น
นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารคงความชุ่มชื้น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การดูแลสุขภาพ และการออกกำลังกายเป็นประจำ สามารถช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เช่นกัน
สำหรับวิธีการบำรุงผิวหน้าขาดน้ำเสียให้กลับมาเป็นผิวชุ่มชื้นดังเดิม สามารถทำได้โดย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิว การดื่มน้ำวันละประมาณ 8 แก้ว หรือประมาณ 1.5 ลิตร การพักผ่อนให้เพียงพอไม่นอนดึก การรักษาความสะอาดของหน้า การทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน 30 นาที ในทุกๆ ครั้งที่ผิวต้องเผชิญกับแสงแดด การใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดระหว่างวัน และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมน้ำให้กับผิว เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและให้ผิวอิ่มน้ำ อย่างเช่นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) หรือ ไฮยาลูรอเนต (Hyaluronate) หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวหน้าสำหรับผู้ที่มีอายุมากขึ้น และต้องการตัวช่วยในการผลัดเซลล์ผิวหน้า หากสาวๆ ยังไม่อยากแก่ก่อนวัย ควรดูแลผิวหน้าให้มีสุขภาพดี เนียนนุ่ม มีความชุ่มชื้น และอย่าปล่อยให้ผิวสวยๆบนร่างกายของเราต้องแห้งขาดความชุ่มชื้นที่เป็นสาเหตุที่สำคัญของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย