ท่ามกลางสภาพมลภาวะ และแสงแดด ในปัจจุบัน ทำให้สภาพผิวต้องพบเจอกับผิวคล้ำเสีย จุดด่างดำ และริ้วรอยแห่งวัยที่ปรากฏชัดขึ้น หนึ่งในวิธีที่จะช่วยชะลอความเหี่ยวย่น ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนั่นคือ กลูต้าไธโอน ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับกลูต้าไธโอนกันก่อนดีกว่า กลูต้าไธโอนนั้น มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโนที่สำคัญ 3 ชนิด คือ ซิสเตอิน (Cystein), ไกลซิน (Glycine) และ กลูตาเมท (Glutamate) ตัวกลูต้าไธโอนนั้น ร่างกายสามารถผลิตได้เอง โดยพบมากบริเวณตับ ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระ (Free radicals) ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกายอีกด้วย
การใช้กลูต้าไธโอนในทางการแพทย์
สำหรับในทางการแพทย์ มีการนำกลูต้าไธโอนมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น ภาวะเป็นหมันในเพศชาย ปลายเส้นประสาทอักเสบ มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก รักษาด้วยวิธีการฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำหรือที่กล้ามเนื้อ พบว่าจากการรักษาด้วยกลูต้าไธโอนนั้น เกิดผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยคือ ผู้ป่วยมีสีผิวที่ขาวขึ้น เป็นผลมาจากกลูต้าไธโอนสามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) ได้ ส่งผลให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว ด้วยเหตุนี้เองจึงมีผู้พยายามนำผลข้างเคียงของยามาใช้ในการทำให้จุดด่างดำลดเลือน และช่วยให้ผิวขาวขึ้น
แต่ก่อนนั้น กลูต้าไธโอน จะใช้เพื่อการรักษาในทางการแพทย์ แต่ด้วยผลข้างเคียงที่ทำให้ผิวของผู้ป่วยมีสีขาวขึ้น จึงทำให้ในปัจจุบันนี้ได้มีการเอามาใช้เพื่อเป็นตัวช่วยในการเพิ่มความขาวให้กับผิว
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกลูต้าไธโอน
จากสาเหตุดังกล่าวจึงมีผู้ทำการสังเคราะห์กลูต้าไธโอน เพื่อนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวขาวขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนที่นิยมในปัจจุบันนั้น ได้แก่ กลูต้าไธโอนแบบกิน และกลูต้าไธโอนแบบฉีด สำหรับแบบกินนั้น กลูต้าไธโอนจะอยู่ในรูปของกรดอมิโน คือ อมิโนแอซิด เอ็นอะซิทิลซิสเตอีน (N-acetyl-cysteine) ซึ่งจะถูกดูดซึมเข้าสู่ทางเดินอาหารได้ง่าย และจะไปรวมตัวกับโปรตีนอีก 2 ชนิด คือ อะมิโนแอซิด ไกลซิน (Glycine) และ กลูตาเมท (Glutamate) ผลจากการรวมตัวกันของอมิโนแอซิดเหล่านี้ จะทำให้เกิดเป็นโมเลกุลกลูต้าไธโอนในกระแสเลือดขึ้น สำหรับกลูต้าไธโอนแบบกินนั้น ทางองค์การอาหารและยาอนุญาตให้ขายเป็นอาหารเสริมกลูต้าไธโอนเท่านั้น เนื่องจากเป็นเพียงสารตั้งต้นในการสังเคราะห์กลูต้าไธโอน
กลูต้าไธโอนแบบฉีด คืออะไร
ในส่วนของกลูต้าไธโอนแบบฉีด จะใช้วิธีการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ แต่เนื่องจากการที่ผิวขาวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลข้างเคียงของยากลูต้าไธโอนที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น สำหรับผู้ที่หวังผลในการรักษา จำเป็นที่จะต้องได้รับการฉีดซ้ำเป็นระยะ อย่างไรก็ตามถ้าหากได้รับปริมาณกลูต้าไธโอนที่มากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดอาการแพ้ยาจนถึงขั้นช็อกและอาจทำให้เสียชีวิตเฉียบพลัน หรือหากสะสมอยู่ในร่างกายเป็นระยะนาน ก็อาจจะส่งผลข้างเคียงขึ้นกับร่างกายได้ เช่น มึนงง ปวดหัว ตาพล่ามัว และอาจมีสารตกค้าง ทำให้เป็นนิ่วที่ไตและกระเพาะปัสสาวะได้
เนื่องจากผลข้างเคียงที่ทำให้ผิวขาวเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น จึงทำให้ต้องมีการฉีดซ้ำเป็นประจำ ซึ่งต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้ร่างกายของเรามีปริมาณกลูต้าไธโอนที่มากเกินไป
ในปัจจุบัน กลูต้าไธโอนยังไม่ผ่านการรับรองข้อบ่งใช้โดยองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาสำหรับทำให้ผิวขาว เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาที่น่าเชื่อถือ ที่จะยืนยันหรือรับรองได้ว่ากลูต้าไธโอนนั้นมีคุณสมบัติที่ช่วยทำให้ผิวขาว และสามารถช่วยลดเลือนจุดด่างดำบนผิวได้จริง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา จึงควรศึกษาข้อมูลและข้อควรระวังให้ละเอียดก่อนการใช้ยาทุกครั้ง