ที่มาและสาเหตุของการเกิดสิว
การเกิดสิวมีที่มาและสาเหตุของการเกิดหลายประการ แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจริงๆ แล้วสิวมีสาเหตุการเกิดจากอะไร แต่โดยส่วนใหญ่แล้วน่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น ทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่สูงกว่าช่วงวัยอื่น ซึ่งนอกเหนือจากนี้ การเกิดสิวอาจมีสาเหตุมาจากต่อมไขมันผลิตไขมันมากเกินไป มีการเจริญเติบโตของเชื้อโรคใต้ผิวหนัง ผิวเกิดการอักเสบเนื่องจากเชื้อแบคทีเรีย การใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารเคมี การใช้ยาบางชนิด ภาวะอารมณ์เครียดวิตกกังวล การพักผ่อนไม่เพียงพอและการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง รวมไปถึงกรรมพันธุ์
ชนิดของสิว
ชนิดของสิวโดยส่วนใหญ่แล้ว แบ่งตามลักษณะและรูปแบบของสิวนั้นๆ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ สิวอุดตันและสิวอักเสบ
สิวอุดตัน แบ่งแยกย่อยออกเป็นสิวอุดตันหัวเปิดหรือสิวหัวดำ (blackheads)และสิวอุดตันหัวปิดหรือสิวหัวขาว (whiteheads) ซึ่งลักษณะของสิวอุดตันนั้น หากเป็นสิวหัวดำ จะมองเห็นเป็นจุดสีดำชัดเจน สามารถรักษาได้ทันทีด้วยวิธีการกดออก ส่วนสิวหัวขาว จะดันผิวให้นูนขึ้น แต่บีบออกยาก ซึ่งสิวหัวขาวนั้น มีโอกาสลุกลามและกลายเป็นสิวอักเสบได้
สิวอักเสบ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ สิวอักเสบบวมแดง สิวอักเสบมีหนองและสิวอักเสบหัวช้าง ซึ่งมีความรุนแรงมากที่สุด ส่วนสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบนั้น เกิดจากการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า P. acnes ซึ่งมีสภาพเป็นกรด ทำให้เกิดการระคายเคืองและกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้มารวมตัวกันจนเกิดการอักเสบนั่นเอง
สาเหตุของการเกิดสิว
อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า สาเหตุของการเกิดสิวนั้นอาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยหลายประการ ทั้งจากปัจจัยภายในร่างกาย อย่างเช่น ระดับฮอร์โมน โรคเรื้อรัง กรรมพันธุ์ ปัญหาสุขภาพ ระบบการทำงานของร่างกาย การรับประทานอาหารและยา ส่วนปัจจัยภายนอก อย่างเช่น ผลจากการใช้ยาบางชนิด การใช้เครื่องสำอาง สภาพแวดล้อม แสงแดด ฝุ่นและมลภาวะ ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุสำคัญในเกิดสิวได้ทุกบริเวณในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตันที่หน้าผาก สิวอักเสบที่แก้ม สิวอักเสบที่คาง สิวอักเสบที่หลัง สิวอักเสบที่จมูกหรือสิวอักเสบที่คอ
ปัจจัยภายในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน รอบเดือน อาหาร สุขภาพ ระบบขับถ่าย และอื่นๆ
สาเหตุของการเกิดสิวที่มาจากปัจจัยภายในร่างกายนั้น มีหลายสาเหตุที่ส่งผลให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ ซึ่งสามารถอธิบายสาเหตุใหญ่ ๆ ของการเกิดได้ดังนี้
– ระดับฮอร์โมนในร่างกาย ถือว่าเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว เนื่องจากภาวะฮอร์โมนในร่างกายของแต่ละคนมีความสมดุลไม่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะกับผู้หญิงช่วงก่อนมีประจำเดือนและหญิงตั้งครรภ์ ระดับฮอร์โมนในร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงสูงมากที่สุด ทำให้เกิดความเครียดง่ายและอารมณ์หงุดหงิด จึงเป็นสาเหตุให้เกิดสิวได้ง่ายเช่นกัน โดยจำนวนของสิวที่เกิดอาจมากน้อยตามระดับของฮอร์โมนที่เกิดการเปลี่ยนแปลง
– กรรมพันธุ์ เป็นอีกสาเหตุที่เกิดขึ้นจากปัจจัยภายในร่างกาย แต่แม้จะกล่าวอย่างนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าครอบครัวที่มีพ่อแม่เป็นสิว ลูกๆ จะเป็นสิวตามทั้งหมด เพราะนอกจากกรรมพันธุ์จะเป็นตัวกำหนดแล้ว ปัจจัยภายนอกหรือสิ่งแวดล้อม ยังมีผลกระตุ้นให้เกิดสิวหรือไม่ก็ได้เช่นกัน
ต่อมไขมัน ที่ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้ โดยไม่เกี่ยวข้องกับลักษณะของรูปร่างว่าอ้วนหรือผอม แต่ขึ้นอยู่กับจำนวนของรูขุมขนว่ามีมากหรือน้อย หากมีต่อมไขมันมาก โอกาสที่ต่อมไขมันจะผลิตน้ำมันออกมามากก็มีสูงตามไปด้วย
– ความเครียด เพราะความเครียดสามารถกระตุ้นต่อมไขมันให้ทำงานมากขึ้นได้ จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ที่มีอารมณ์แปรปรวนและเครียดง่าย เป็นสิวง่ายนั่นเอง
ปัจจัยอื่นๆ ภายนอก เช่น การใช้ยาบางชนิด เครื่องสำอาง การทำความสะอาดผิวที่ไม่ดีพอ การทำความสะอาดผิวมากเกินพอดี
ปัจจัยอื่นๆ ภายนอกที่ถือว่าเป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดสิวมีหลายประการเช่นกัน สามารถอธิบายสาเหตุของการเกิดโดยระบุสาเหตุของที่มาที่ชัดเจนได้ดังนี้
– เกิดจากผลของการใช้ยาทาบางชนิด ที่มีส่วนผสมของสารเคมีหรือตัวยาที่แรงจนเกินไป ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เกิดการอุดตันตกค้าง หรือไปกระตุ้นให้เกิดสิวบวมแดง
– เกิดจากการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ “สเตียรอยด์” ซึ่งส่งผลเสียต่อผิวเช่นเดียวกับยาทา หากล้างหน้าไม่สะอาด แล้วเกิดการตกค้าง สิวก็สามารถขึ้นบนใบหน้าหรือบริเวณที่ใช้เครื่องสำอางได้เช่นกัน
– ใช้วิธีการทำความสะอาดผิวหน้าที่ไม่ถูกต้อง อย่างเช่น การล้างหน้าแล้วขัดถูแรงๆ การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่เหมาะสมกับผิวหน้าหรือการใช้มือแกะเกาผิว ก็ล้วนแล้วแต่กระตุ้นให้เกิดสิวได้ทั้งสิ้น
– เกิดจากสิ่งแวดล้อม แสงแดดและมลภาวะ ปัจจัยนี้ถือว่าเป็นสาเหตุที่หลีกเลี่ยงได้ยากมากสำหรับบางคน ยิ่งล้างหน้าไม่สะอาดหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมด้วยแล้ว ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นการเกิดสิวได้อย่างยอดเยี่ยม
วิธีการรักษาสิวอักเสบ
การรักษาสิวอักเสบให้ทุเลาหรือหายสนิทนั้น จำเป็นต้องใช้หลายวิธีควบคู่กันในการรักษาหากยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ว่าสิวอักเสบที่เกิดขึ้นนั้น มีสาเหตุมาจากอะไร ซึ่งวิธีการปฏิบัติเพื่อลดและรักษาสิวอักเสบ ได้แก่
– หลีกเลี่ยงการล้างเกินวันละ 2 ครั้ง เพราะการล้างหน้าบ่อยๆ ยิ่งทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองและไปกระตุ้นให้เกิดสิวเพิ่มมากขึ้นได้
– หลีกเลี่ยงสาเหตุที่อาจทำให้เกิดสิว ไม่ว่าจะเป็นยากิน ยาทา เครื่องสำอาง ครีมกันแดด และการนวดหรือขัดหน้าแรงๆ
– หลีกเลี่ยงการนอนดึกและความเครียด
– หลีกเลี่ยงการบีบ แกะหรือเกาบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ
เหล่านี้คือวิธีการรักษาสิวอักเสบที่ควรปฏิบัติควบคู่กันไปกับการรักษาด้วยยารักษาสิวหรือครีมรักษาสิวที่มีส่วนผสม
จากธรรมชาติ จะช่วยให้สิวอักเสบยุบลง หายเร็วขึ้น พร้อมทั้งลดโอกาสที่จะเกิดสิวขึ้นใหม่ได้อีกด้วย
ยารักษาที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ผลดี ผลเสียของยาแต่ละชนิด
สำหรับการรักษาสิวด้วยยานั้น ในปัจจุบันมียารักษาสิวหลายชนิดที่ได้รับความนิยม ทั้งแบบยาทาภายนอกและแบบรับประทาน เนื่องจากสิวบางชนิดมีความรุนแรง การรักษาสิวด้วยยาจึงช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ โดยในส่วนของยารักษาที่ได้รับความนิยมนั้น ได้แก่
Benzoyl Peroxide
เป็นยาทาภายนอกชนิดครีมหรือเจล ที่มีความเข้มข้นตั้งแต่ 2.5% ไปจนถึง 10% มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและลดอาการอักเสบของสิว ซึ่งผลข้างเคียงหลังการใช้ อาจพบว่า ผิวมีความแห้งตึง บางคนอาจรู้สึกคัน แสบร้อนและมีรอยผื่นแดงขึ้นบริเวณที่ทายา
ยาทาภายนอกในกลุ่มวิตามินเอ
ยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ Tretinoin (เทรติโนอิน) Isotretinoin (ไอโซเทรติโนอิน) และ Adapalene (อะดาพาลีน) มีฤทธิ์ในการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สลายหัวสิวที่อุดตันและป้องกันการอุดตันของสิว ส่วนผลข้างเคียงหลังจากการใช้ยานั้น ในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย อาจพบว่าผิวหนังแดง แห้งและลอกเป็นขุย
Azelaic Acid
เป็นยารักษาสิวที่มีฤทธิ์ในการทำลายเชื้อแบคทีเรีย ได้ ยับยั้งการทำลายเนื้อเยื่อจากการอักเสบและขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งตัวยาชนิดนี้ ถือว่าเป็นยารักษาสิวทางเลือกสำหรับผู้ที่ใช้ยา Benzoyl Peroxide หรือ ยาทาภายนอกในกลุ่มวิตามินเอแล้วเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง
ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ P. acnes ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว โดยยาในกลุ่มนี้ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ Clindamycin (คลินดามัยซิน) และ Erythromycin (อีรีโทรมัยซิน) โดยในส่วนของผลข้างเคียงที่ผู้ใช้อาจได้รับ ได้แก่ อาการแสบร้อน ผิวหนังลอกหรือระคายเคืองผิวเล็กน้อย
สารจากธรรมชาติ เช่น Tea Tree oil และผลดีผลเสียของสารแต่ละชนิด
ในส่วนของการรักษาสิวโดยในสารสกัดจากธรรมชาตินั้น เป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมสูงมากเช่นกัน เนื่องจากมีความปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ต่อผิว ซึ่งสารสกัดที่ได้รับความนิยม ได้แก่
– Vitamin B3 ช่วยลดความมันบนใบหน้าและลดอาการระคายเคืองของผิว
– Methylsulfonylmethane ช่วยควบคุมความมันและลดการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน
– Licochalcone A จากชะเอมเทศ ช่วยควบคุมความมัน ลดการอักเสบของผิว ลดรอยแดงและลดการเกิดสิว
– Salicylic Acid (BHA) เร่งขจัดเซลล์ผิว สลายสิวอุดตัน
– Lactic Acid (AHA) เร่งการผลัดเซลล์ผิว ลดการระคายเคือง
– Natural PHA (Gluconolactone) จากข้าวโพด ลดการระคายเคืองและสาเหตุของการเกิดสิว
– Tea Tree Oil ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง ลดการเกิดสิว
สำหรับการรักษาและป้องกันสิวโดยใช้ Intense Pulse light (IPL) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ PiOne นั้น ถือเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อใช้แก้ไขปัญหาผิว โดยเฉพาะปัญหาสิว รอยแดงและจุดด่างดำ ซึ่งหลักจากใช้นวัตกรรม IPL ในการรักษาปัญหาสิวแล้วประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ พบว่า อาการอักเสบของสิวลดลงและรอยแดงที่เกิดขึ้นจากการอักเสบก็ค่อยๆ จางลงตามไปด้วย ที่สำคัญยังป้องกันการเกิดสิวอักเสบได้อย่างยอดเยี่ยม เนื่องจากอัตราการเกิดสิวอักเสบลดลง โดยในส่วนของประสิทธิภาพในการรักษาถือว่าเห็นผลดีกว่าการใช้ยา เนื่องจากใช้แล้วไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ ผิวได้รับการดูแลและ บำรุงรักษาอย่างเต็มที่ มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยสูงมาก