โดยทั่วไปเป็นที่ทราบกันดีว่า สีผิวของคนเราจะมีความแตกต่างกันตามเชื้อชาติ ภูมิประเทศที่เราอาศัยอยู่ และสภาวะแวดล้อมรอบตัวเรา แล้วอะไรที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น ในครั้งนี้เราจะมาอธิบายและทำความเข้าใจกันค่ะ โดยปกติในผิวชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ของคนเราจะพบเซลล์ “เมลาโนไซด์” (Melanocyte) มีลักษณะเป็นเซลล์รูปร่างแบน วงรี และมีแขนงที่เหมือนแขนขายึดจับกันอยู่
หน้าที่ของเซลล์นี้จะสร้างถุงเม็ดสี “เมลานิน” (Melanosome) โดยอาศัยเอนไซม์ “ไทโรสิเนส” (Tyrosinese) เข้ามาช่วยให้เกิดการสร้างถุงเม็ดสีได้สมบูรณ์ขึ้น เซลล์เมลาโนไซด์จะแทรกอยู่ระหว่าง “เซลล์เคอราติโนไซด์” (Keratinocyte) ที่ทำหน้าที่ผลิตสารเคราติน สร้างความแข็งแรงแก่ เส้นผม ขนและเล็บ ด้วยความที่ เซลล์เมลาโนไซด์ และเซลล์เคอราติโนไซด์อยู่ใกล้กันนี้เอง ส่งผลให้เส้นผม ขน เยื่อบุตา ของเราเป็นอีกจุดหนึ่งที่แสดงออกถึงความแตกต่างของสีได้อย่างชัดเจน ถุงหุ้มเม็ดสีเมลานินดังกล่าว มีโครงสร้างที่แตกต่างกัน จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่เราสามารถใช้วิเคราะห์ในการแยกเชื้อชาติได้
ถุงหุ้มเม็ดสีเมลานินสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดได้แก่
ยูเมลาโนโซม (Eumelanosome)
มีขนาดใหญ่ (0.5-0.8 ไมโครเมตร) รูปร่างเป็นวงรี ถุงหุ้มดังกล่าวจะกระจายตัวอยู่อย่างเดี่ยวๆ มีการสลายตัวที่ช้า และที่สำคัญคือผลิต “รงควัตถุสีดำ และสีน้ำตาล” อย่างไรก็ตามหากปริมาณของเมลานินมีมากจะผลิตสีที่เข้ม หรือหากปริมาณเมลานินมีน้อยจะแสดงผลในสีที่อ่อนลง อาทิ ผลสีบรอนด์ในรงควัตถุประเภทสีน้ำตาล เป็นต้น
ฟีโอเมลาโนโซม (Pheomelanosome)
มีขนาดเล็ก (0.5-0.3 ไมโครเมตร) มีรูปร่างกลม เกาะตัวเป็นกลุ่มตั้งแต่ 2-10 ถุง มีการสลายตัวที่เร็ว และมีรงควัตถุ “สีขาว” สีที่แสดงออกมาจึงเป็นสีโทนสว่าง ฟีโอเมลาโนโซม ประกอบด้วยสารหลักอย่างแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ซึ่งแสดงสีโทนส้มแดง เราสามารถเห็นชัดได้ใน เส้นผม ขน หรือกระบริเวณผิวหนังเป็นต้น
นอกจากนี้งานวิจัยพบว่า มีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อการสร้างเม็ดสี ได้แก่ พันธุกรรม ฮอร์โมน และ แสงแดด ซึ่งในกรณีที่ผิวเราเกิดจุดด่างดำจากรอยสิว หรือสร้างการบาดเจ็บให้ผิวบริเวณนั้นๆ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่เกิดการทำงานของเมลานินที่ไม่สมบูรณ์ได้เนื่องจากโครงสร้างผิวมีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามความผิดปกติของเม็ดสีผิว แสดงถึงสัญญาณที่ก่อให้เกิดความผิดปกติทางผิวหนังจากระดับเบื้องต้น ไปจนถึงระดับร้ายแรงได้เช่นกัน
รังสียูวีเป็นตัวการที่ทำให้เม็ดสีเมลานินเหล่านี้ทำงานผิดปกติได้ ซึ่งมีโอกาสทำให้เกิดเป็นจุดด่างดำ หรือ ฝ้า กระ ในชั้นผิวได้ด้วยเช่นกัน
ความผิดปกติของเมลานินที่สามารถบ่งบอกให้รู้ได้ถึงความผิดปกติทางผิวหนัง
ชั้นผิวหนังกำพร้ามีความผิดปกติ
จากการเพิ่มจำนวนของเซลล์ส่วนประกอบของผิว ได้แก่ เซลล์เมลาโนไซด์ ทำให้ผิวหนาบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ปัจจัยดังกล่าวทำให้เกิด “กระเนื้อ” (seborrheic keratosis)
ความผิดปกติจากการเพิ่มจำนวนของเซลล์เมลาโนไซด์
บริเวณชั้นผิวหนังแท้ ได้แก่ ไฝ (melanocytic nevus) ขี้แมลงวัน (lentigines) กระแดด (solar lentigines) แม้กระทั่งความผิดปกติร้ายแรงอย่าง มะเร็งเมลาโนลา (malignant melanoma)
การเป็นโรคผื่นผิวหนังอักเสบ
จนเกิดรอยดำเป็นลักษณะปื้นๆหลังจากหายจากอาการอักเสบแล้ว จากการที่เซลล์เมลาโนไซด์ทำงานมากขึ้นจนผิดปกติ โดยที่เซลล์มีปริมาณเท่าเดิม มักพบในผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้ หรือแพ้เครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองมาก่อน
ความผิดปกติจากระบบของร่างกายส่วนอื่นทำงานผิดปกติ
ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของการทำงานเม็ดสีผิวในร่างกาย อาทิ ภาวะต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ (ต่อมหมวกไตไม่ทำงาน) ระบบการเผาผลาญและดูดซึมของร่างกายทำงานผิดปกติ ภาวะขาดสารอาหาร เช่น วิตามินบี12 ผลกระทบข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด รวมทั้งภาวะอื่นๆเช่น ผลข้างเคียงจากโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) ฯลฯ
ในด้านของการเสริมความงามนั้น ผู้ที่อาศัยในโซนซีกโลกตะวันตกนิยมย้อมผิวให้มีสีแทน จึงใช้แสงแดดมาเป็นตัวแปร เนื่องจากเซลล์เมลานิน จะนำพลังงานความร้อนจากแสงแดดมาสะสมไว้บริเวณใต้ชั้นผิว พร้อมๆกับการสร้างเมลานินขึ้นจำนวนมากเพื่อปกป้องผิวของเรา จนเกิดการกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ “ไทโรสิเนส (Tyrosinese)” ในการสร้างถุงเม็ดสีได้สมบูรณ์ ส่งผลให้ผิวมีสีเข้มขึ้น
ซึ่งในทางกลับกันผู้ที่อาศัยบริเวณซีกโลกตะวันออกกลับนิยมที่จะมีผิวขาว กระจ่างใส ในปัจจุบันเราได้คิดค้น สารอาร์บูติน (arbutin) ซึ่งมีฤทธิ์ในการยังยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเรส ลงในเครื่องสำอางมีสรรพคุณในการลอกผิวให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวเร็วขึ้น สารดังกล่าวเราสามารถสกัดได้จากผลเบอร์รี่ รากชะเอมเทศ อย่างไรก็ตาม เราควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเพื่อลดการเกิดปัญหาความผิดปกติของเม็ดสีผิว ได้แก่ การหลีกเลี่ยงเผชิญแสงแดด หรือการใช้ครีมกันแดด SPF50 ที่มีสาร PA+++ ในการป้องกันรังสีทั้ง UVA และ UVB รวมทั้งทานอาหารที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว และทานน้ำให้สมดุลกับการรักษาปริมาตรความชุ่มชื้นในผิว และหากมีความผิดปกติทางผิวหนังตามที่กล่าวไปเบื้องต้นแล้วนั้น ผู้เขียนแนะนำให้พบแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
การรักษาความผิดปกติของเมลานินทำต้องใช้เวลาในการรักษานาน ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆที่ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติของเมลานิน
นวัตกรรมที่สามารถช่วยในการรักษาและลดเลือนฝ้า-กระ จุดด่างดำ ที่เกิดจากความผิดปกติของเมลานิน
นอกจากนั้นการดูแลสุขภาพผิวให้ดีอยู่เสมอก็สามารถที่จะช่วยป้องกันการเกิดอาการผิดปกติของเมลานินได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีอย่างการทำ IPL ที่สามารถช่วยลดเลือนการเกิดจุดด่างดำ ฝ้า-กระ และริ้วรอยต่างๆบนผิวหน้าได้เป็นอย่างดี รวมถึงแสง IPL ที่มี Xtensive Flash ยังสามารถที่จะช่วยจัดการปัญหาผิวต่างๆได้อย่างครอบคลุมไปพร้อมกับการรักษาในทีเดียว จึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถที่จะใช้เครื่อง PiOne ได้อย่างปลอดภัย นอกจากนั้นยังมีการออกแบบมาเพื่อให้รองรับต่อการใช้งานภายในบ้านอีกด้วย ด้วยค่าพลังงานที่มีให้เลือกถึง 7 ระดับ และการยิง 3 รูปแบบทำให้ช่วยลดการระคายเคืองของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังมีค่าพลังงานเทียบเท่ากับคลินิกทำให้ผลการรักษาไม่มีความแตกต่างกัน จึงทำให้สามารถทำ IPL ที่บ้านได้เองอย่างต่อเนื่องมากขึ้นและมีสุขภาพผิวที่แข็งแรง