ริ้วรอย คือสัญญาณแรกที่จะบ่งบอกถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจุดที่สังเกตเห็นได้ง่ายที่สุดก็คือริ้วรอยบนผิวบริเวณใบหน้าและรอบดวงตา รวมไปถึงริ้วรอยบริเวณแก้มและหน้าผาก โดยเฉพาะเวลาที่เราแสดงสีหน้าต่างๆ และก็จะยิ่งเป็นรอยชัดและลึกขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น โดยริ้วรอยหรือผิวที่หย่อนคล้อยเหล่านี้จะเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่ออายุ 25 ปี แต่บางคนสัญญาณของผิวที่เริ่มมีริ้วรอยและเสื่อมสภาพก็เริ่มก่อตัวขึ้นเร็วกว่ากำหนดหรือการมีริ้วรอยที่เกิดก่อนวัย ในขณะที่บางคนสามารถชะลอการเกิดริ้วรอยบนผิวหนังไว้ได้ และสาเหตุหลักที่มีผลทำให้ผิวเกิดการหย่อนคล้อยและมีริ้วรอยก็คือ “คอลลาเจน” ในร่างกายของเรานั่นเอง
คอลลาเจน เป็นสิ่งที่ร่างกายของเราสามารถผลิตได้เอง แต่กระบวนการผลิตจะลดลงไปตามอายุของแต่ละคนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเราสามารถที่จะชะลอการลดลงของคอลลาเจนได้
คอลลาเจน (Collagen) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก มีความหมายว่า กาว ซึ่งจริงๆแล้ว คอลลาเจน คือ โปรตีนสายยาวชนิดหนึ่งซึ่งเป็นโปรตีนธรรมชาติที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของผิวหนัง ซึ่งทำหน้าที่แตกต่างจากสารโปรตีนโดยทั่ว ๆ ไป และเป็นโมเลกุลขนาดใหญ่ที่คอยยึดเกาะ เซลล์ผิวหนัง เอ็น ข้อต่อ พังผืด และกล้ามเนื้อ ตลอดจนผนังหลอดเลือด ให้ติดแน่นสนิท มีผลทำให้ผิวหนังแลดูเต่งตึง เพราะคอลลาเจนทำหน้าที่เชื่อมเซลล์ในร่างกายเข้าด้วยกัน โดยเซลล์ผิวหนังในร่างกายจะมี คอลลาเจน เหล่านี้ถึง 75% เป็นส่วนประกอบ โครงสร้างของคอลลาเจนที่มากมายในผิวนั้น จึงทำให้ผิวหนังมีแรงสปริงตัวและยืดหยุ่นได้ดีตามไปด้วย และมีส่วนสำคัญในการทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น นุ่มนวล เต่งตึง กระชับ ไม่เหี่ยวย่น ไม่มีริ้วรอย และ รอยตีนกา อีกทั้งยังช่วยเติมเต็มผิวที่หย่อนคล้อย หย่อนยานให้กลับมาเรียบตึง นอกจากนี้คอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังสามารถช่วยแก้ปัญหา ผิวที่ถูกความร้อน หรือ รังสียูวีเผาไหม้จนกลายเป็นผิวเสีย ขาดความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี แต่เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง หรือความสมบูรณ์ของคอลลาเจนเสื่อมลง ริ้วรอยย่อมเกิดขึ้น แต่เกิดช้าๆ ทีละน้อย เริ่มจากรอยเล็กๆ บางๆ และเมื่อร่างกายลดระดับความสามารถในการสังเคราะห์คอลลาเจนลงไปเรื่อยๆ ริ้วรอยเหล่านั้นก็จะปรากฎเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
นอกจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อการสูญสียคอลลาเจนใต้ชั้นผิวก็คือแสงแดด โดยเฉพาะรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดที่จะกระตุ้นให้ผิวสร้างอนุมูลอิสระ (Free Radical) และทำลายคอลลาเจนในชั้นของผิวหนังบนร่างกายให้เกิดการเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ รังสี UVA ที่จะส่งผลโดยตรงกับคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวเกิดการหย่อนคล้อย ไม่ตึงกระชับ และเกิดให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย รวมไปถึงฝุ่น ควัน หรือมลภาวะต่างๆ ที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน สภาวะแวดล้อมที่เป็นพิษเหล่านี้เมื่อสะสมนานๆไปสามารถทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวได้ อีกสาเหตุหนึ่งที่มีผลต่อการสูญเสียคอลลาเจนใต้ชั้นผิวก็คือ ความเครียด เมื่อร่างกายเกิดความเครียดจะผลิตสารคอร์ติซอลออกมา ซึ่งเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่จะไปทำลายคอลลาเจนใต้ผิวหนังของเรา ซึ่งพฤติกรรมที่มีผลทำให้สารคอร์ติซอลหลั่ง ยกตัวอย่างเช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ วิถีชีวิตที่เร่งรีบ เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นตัวการสำคัญในการทำลายคอลลาเจนในร่างกาย
วิธีในการดูแลและป้องกันรักษาการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนสามารถทำได้โดย
การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆ
เนื่องจากแสงแดดที่เต็มไปด้วย UVA จะเป็นตัวกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระขึ้นมาในร่างกายของเรา ซึ่งอนุมูลอิสระเหล่านี้จะทำให้กระบวนการสร้างคคอลลาเจนในร่างกายมีประสิทธิภาพลดลง
การเลือกใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสมต่อสภาพผิว
โดยใช้ครีมกันแดดทุกวันถึงแม้จะไม่ได้ออกจากบ้านก็ตาม เพราะรังสีจากแสงแดดนั้นสามารถทะลุผ่านและเล็ดลอดเข้ามาได้ โดยครีมกันแดดที่ใช้ควรค่า SPF 50+ PA++++ ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การเลือกใช้ครีมและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
ครีมหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดหรือบำรุงฟื้นฟูสภาพผิวก็ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวและมีคุณภาพได้รับการรับรองตามมาตรฐาน โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเน้นการบำรุงและเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
ป้องกันตัวเองจากมลภาวะที่เป็นพิษต่างๆ
การหลีกเลี่ยงมลภาวะ ฝุ่น ควัน หรือสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ไม่ว่าจะเป็นท้องถนนที่รถสัญจรมากมาย บริเวณก่อสร้างที่เต็มไปด้วยฝุ่นผง และอาจทำได้ด้วยการนำพาตัวเองไปสูดอากาศบริสุทธิ์ตามแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ หรือสวนสาธารณะที่มีต้นไม้ใหญ่ เพื่อเพิ่มออกซิเจนและโอโซนให้กับร่างกาย
หลีกเลี่ยงความเครียด
ความเครียดก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่กระตุ้นในร่างกายของเราสร้างสารอนุมูลอิสระขึ้นมา ดังนั้นเราจึงควรที่จะต้องทำให้ตัวเรามีสุขภาพจิตที่ดี เพื่อช่วยให้ผิวมีสุขภาพที่แข็งแรง
หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายทำให้เลือดสามารถที่จะสูบฉีดเข้าไปเลี้ยงระบบต่างๆภายในร่างกายของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังส่งผลทำให้การลำเลียงสารอาหารไปบำรุงผิวผ่านทางหลอดเลือดดีขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งก็จะช่วยทำให้การผลัดเซลล์ผิวและการสร้างเซลล์ผิวใหม่เป็นไปตามกลไกของร่างกาย
นอกจากนี้ปัจจัยที่สำคัญในการชะลอการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนก็คือ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยรับประทานอาหารที่มีวิตามิน เกลือแร่ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ซึ่งอาหารที่มีงานวิจัยว่ามีส่วนช่วยเพิ่มคอลลาเจนและอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระมีอยู่มากมาย เช่น หอยนางรม เมล็ดข้าวสาลี สาหร่ายทะเล เห็ดทุกชนิด เนื้อสัตว์ เนื้อปลา กระดูกอ่อน ถั่วเหลือง ชีส ผักใบเขียว ผลไม้สีแดง ลูกพรุน กรดไขมันโอเมก้า แตงกวา มะกอกเขียว มะกอกดำ ดาร์คชอคโกแลต ชาขาว หัวบุก ถั่วเหลือง แตงกวา คื่นช่าย มะกอก ส้มโอ แก้วมังกร แอปเปิล โดยที่ส่วนใหญ่แล้ว คอลลาเจนที่พบในพืชผัก ผลไม้ จะมีปริมาณน้อยกว่าที่พบในเนื้อสัตว์ และนอกจากอาหารที่ควรรับประทานแล้ว เราควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง และ รสจัด อีกด้วย และในปัจจุบันการเสริมด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนที่สกัดจากแหล่งธรรมชาติก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการความสวยความงาม ซึ่งผู้บริโภคควรศึกษาและคำนึงถึงผลที่ได้รับ มาตรฐานการผลิตและความปลอดภัยในการบริโภค
การรักษาด้วยการทำ IPL สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ทำร้ายผิว ทำได้อย่างต่อเนื่อง ผิวสุขภาพดี มั่นใจได้ทุกวัน
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังมีวิธีสำหรับการกระตุ้นคอลลาเจนที่ได้ผลดีให้ผู้ที่ใส่ใจต่อสุขภาพเลือกใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การลอกผิว (Chemical peeling), ร้อยไหม (Thread Lifting) และ เลเซอร์หน้าใส (Laser Therapy) เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามวิธีการเหล่านี้ไม่ได้เป็นการดูแลผิวโดยตรง เพราะเป็นการทำลายร้ายผิวเพื่อที่จะให้ผิวสร้างเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายไปขึ้นมาใหม่ ซึ่งนอกจากค่าใช้จ่ายในการทำแต่ละครั้งจะสูงแล้วยังสร้างความเจ็บปวดให้ผู้ทำอีกด้วย ดังนั้นวันนี้เราจึงนำเสนออีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถดูแลผิวไปพร้อมกับการรักษาคอลลาเจนใต้ชั้นผิวไปพร้อมกันอย่าง การทำ IPL ด้วยพลังงานแสงที่มี Xtensive Flash และให้ค่าพลังงานเทียบเท่ากับคลินิก สามารถรักษา สิว, รอยสิว, ริ้วรอย, ฝ้า, กระ, จุดด่างดำ และ กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ด้วยขนาดของเครื่องที่เล็กเหมาะกับการพกพาของ PiOne ทำให้ผู้ใช้สามารถที่ดูแลผิวได้เองที่บ้านอย่างปลอดภัย พร้อมกับระบบการใช้งานที่ถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสามารถดูแลผิวได้สะดวกสบายแม้จะอยู่ที่บ้าน จึงทำให้ IPL ได้รับความยอมรับจากผู้ใช้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น IPL ของ PiOne ยังเป็นแบรนด์เดียวที่มีผลงานวิจัยทางการแพทย์รับรองในประเทศไทยอีกด้วย