เครื่องสำอางมีส่วนประกอบของสารเคมีมากมาย อาทิ แอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม อาจมีทั้งที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเราหรือบางครั้งอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวของเราได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย (Allergy-Prone Skin) ซึ่งพบเพียง 20% ของกลุ่มคนที่ได้รับความผิดปกติจากการใช้เครื่องสำอาง หรือสารเคมีเป็นส่วนประกอบในการบำรุงผิว คนที่จัดอยู่ในกลุ่มดังกล่าวจะผ่านการทำ patch test บริเวณผิวหนังของร่างกายมาแล้วทั้งสิ้น เพราะกลุ่มคนดังกล่าวจะมีอาการแพ้อย่างรุนแรงแม้ได้รับสารที่ตนเองแพ้ในปริมาณนิดเดียว โดยอาการแพ้นั้นจะเกิดขึ้นลงไปถึงผิวหนังชั้นกลาง (Dermis) มีอาการบวมแดง อักเสบ แสบร้อน ต้องใช้ยาแก้อักเสบ หรือลดอาการบวมตามแพทย์สั่งเท่านั้น และไม่เฉพาะแต่บริเวณใบหน้าเท่านั้น หากสัมผัสสารที่แพ้บริเวณ แขน หรือขาก็สามารถเกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน ดังนั้นกลุ่มคนผู้มีผิวแพ้ง่ายควรปรึกษาแพทย์และรับคำแนะนำการหลีกเสี่ยงสารที่ตนเองแพ้อย่างใส่ใจโดยการอ่านส่วนผสม (Ingredient) ให้แน่ใจก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ทุกครั้ง เพราะอาจรุนแรงถึงขั้นเสียโฉมกันเลยทีเดียว
สารเคมี และ น้ำหอมประเภทต่างๆ อาจะเป้นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผิวแพ้ง่ายได้ ดังนั้นเราจึงควรที่จะดูส่วนประกอบก่อนที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ
ผิวแพ้ง่ายและผิวระคายเคืองมีสาเหตุเกิดจากอะไร
หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว บางท่านอาจคิดว่าเราไม่อยู่ในกลุ่มผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย (Allergy-Prone Skin) จึงสามารถเลือกใช้เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผิวอย่างไรก็ได้ เพราะนอกจากเราจะมีกลุ่มผู้มีแพ้ง่ายแล้ว เรายังมีกลุ่มผู้มีผิวระคายเคืองง่าย (Sensitive skin) ซึ่งพบมากถึง 80% ของกลุ่มคนที่มีความผิดปกติเลย คนที่อยู่ในกลุ่มนี้จะไวต่อสิ่งรบกวนเป็นพิเศษ ผู้ที่มีพื้นฐานผิวที่แข็งแรงสมบูรณ์ จะลดโอกาสเกิดอาการระคายเคืองได้ง่ายกว่าผู้ที่มีผิวแห้ง หรือโครงสร้างผิวอ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับสารเคมีที่มีสภาวะเป็น กรด หรือ ด่างมากจนเกินไป บางรายอาจมีอาการระคายเคืองต่อแอลกอฮอล์ ส่วนประกอบของวิตามินซี หรือน้ำหอมที่ผสมอยู่ในเครื่องสำอาง
อาการโดยทั่วไปเมื่อได้รับความระคายเคืองคือ แสบ คัน ลอก เป็นขุย และบวมผิดปกติ หากอาการจะเป็นๆหายๆขึ้นอยู่กับสภาพผิวในแต่ละช่วงของความแข็งแรง อย่างไรก็ตาม เมื่อเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้นโอกาสที่ผิวจะเกิดการระคายเคืองได้ง่ายขึ้นเช่นกัน เนื่องจากไขมันใต้ผิวผลิตได้น้อยลง สารเคมีจึงสามารถซึมผ่านลงไปยังชั้นผิวได้มากขึ้น โอกาสที่จะเกิดอาการระคายเคืองจึงมากขึ้นตาม ทั้งนี้เราจึงควรทราบเกี่ยวกับสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แต่ยังคงเป็นที่นิยมในการผสมลงในครีมหรือเครื่องสำอาง เพื่อที่เราจะได้หลีกเลี่ยงอย่างเหมาะสม
วิธีการเลือกผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆให้เหมาะสมกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
– ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ และน้ำหอม โดยเราสามารถสังเกตที่ฉลากของผลิตภัณฑ์ ควรสังเกตคำว่า “ผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ” (Clinically tested or Dermatology tested) หรือ “ผลิตภัณฑ์มีสารก่อภูมิแพ้ระดับต่ำ” (Hypoallergenic) ซึ่งจะเป็นตัวคัดกรองความปลอดภัยเบื้องต้นได้
– ผลิตภัณฑ์ยารักษาสิวในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) หรือยาละลายสิวหัวอุดตัน เป็นสารสกัดจากจาอนุพันธ์วิตามิน A ทำให้ไขมันที่อุดตันบริเวณรูขุมขนหลุดออกมาง่ายขึ้น ในทางกลับกันก็มีฤทธิ์ระคายเคืองต่อผิว เกิดอาการคัน ผิวหนังแห้ง เป็นขุย อาจมีอาการสิวเห่อร่วมด้วย ผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้ยากลุ่มดังกล่าวควรใช้ในปริมาณเล็กน้อยในครั้งแรก และสามารถเพิ่มปริมาณในครั้งต่อๆไปเพื่อให้ปรับมีโอกาสปรับสภาพก่อน อย่างไรก็ตามในบางรายอาจได้รับยากลุ่มเรตินอยด์ชนิดทาน อาทิ Roaccutane, Isotretionoin ยิ่งต้องระมัดระวังอาการข้างเคียงเป็นพิเศษ เนื่องจากยาที่ทานจะมีสรรพคุณลดการทำงานของต่อมในร่างกายโดยตรง ทำให้เกิดอาการผิวแห้งทันทีหลังจากที่ทาน นอกจากอาการดังกล่าวแล้วยังส่งผลกระทบต่อตับ ทำให้เกิดอาการปวดข้อตามมาอีกด้วย การทานยาในกลุ่มนี้จึงควรอยู่ใต้คำแนะนำจากแพทย์
ยารักษาสิวในกลุ่มเรตินอยด์มีฤทธิ์เป็นกรด และอาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย ดังนั้นการใช้ตัวยาประเภทนี้จึงควรที่จะอยู่ในคำแนะนำของแพทย์
– ผลิตภัณฑ์รักษาสิวในกลุ่ม กรด ไกลโคลิก และ ซาลิไซลิค จัดเป็นยารักษาสิวที่ออกฤทธิ์เบาบางกว่ากลุ่มเรตินอยด์ และก่อให้เกิดผลข้างเคียงน้อยกว่า ยาดังกล่าวเป็นสารสกัดประเภท AHA (Glycolic acid) และ BHA (Salicylic acid) ทำหน้าที่กำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ลดการสร้างไขมันจากต่อไขมันใต้ชั้นผิว จึงลดโอกาสเกิดการเป็นสิวลง อย่างไรก็ตามยังมีผลข้างเคียงจากการดัรับความระคายเคียงจากผิวหน้าแห้งตึงอยู่บ้าง
การฟื้นฟูสภาพผิวก็สามารถช่วยทำให้อาการผิวแพ้ง่ายลดลงได้
เมื่อเราทราบปัจจัยที่ทำให้ผิวของเราเกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้ได้ง่ายแล้วนั้น เราสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยดังกล่าวได้ง่ายขึ้น และควรฟื้นฟูสภาพผิวของตนเองให้แข็งแรง อาทิเช่น ทาครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวจากความร้อนและลดการระเหยของน้ำใต้ชั้นผิว โดยการเลือกครีมกันแดดที่ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย (สังเกตคำว่า Chemical free, Dermatological test หรือ Paraben free) ควบคู่กับการเลือกครีม หรือ moisturizer ที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น เช่น ว่างหางจระเข้ หรือน้ำผึ้ง รวมทั้งลดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมี งดการใช้โฟมล้างหน้าที่มีฤทธิ์เป็นด่างรุนแรง หรือมีเม็ดบีทช่วยในการสครับหน้า ให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ลดการใช้เครื่องสำอางที่มีแอลกอฮอล์ หรือ whitening
ทั้งนี้ทางการแพทย์พบว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นอาหารที่มีเส้นใย โปรตีน และไขมันดีจากปลาทะเล หรืออะโวคาโด ร่วมกับการผ่อนคลายความเครียดระหว่างวัน จะส่งผลให้ผิวแข็งแรง มีสุขภาพดี อิ่มน้ำ และทนต่อสารเคมีได้ในระดับดีเลยทีเดียว
การทำ IPL สามารถที่จะช่วยในการฟื้นฟูสภาพผิวและรักษาปัญหาผิวต่างๆได้อย่างครอบคลุมโดยที่ไม่ทำร้ายผิว
เทคโนโลยีสำหรับการดูแลผิวที่เหมาะสมกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายอย่าง การทำ IPL ที่มีแสง Xtensive Flash ที่สามารถช่วยทำให้การดูแลผิวเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น และยังอ่อนโยนต่อผิวบอบบางและผิวแพ้ง่ายเป็นอย่างมาก ด้วยคลื่นแสงที่สามารถช่วยในการรักษาปัญหาผิวต่างๆได้อย่างครอบคลุมทั้ง 8 ประการ ทำให้ปัญหาของการเกิด สิว, รอยสิว, ริ้วรอย, จุดด่างดำ, ฝ้า, กระ, การกระตุ้นคอลาเจน และผิวแพ้ง่าย ให้ดีขึ้นในทุกๆครั้งที่ใช้ รวมถึงการทำ IPL Home use ของเครื่อง PiOne ยังสามารถที่จะรักษาปัญหาผิวต่างๆได้ไปพร้อมๆกับการดูแลผิวด้วยการยิงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จึงทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาผิวไหม้แต่อย่างใด ซึ่งตัวเครื่อง IPL ของ PiOne ก็ได้มีการออกแบบมาเพื่อให้รองรับการใช้งานที่บ้านและยังมีการใช้งานที่ง่าย สะดวกต่อการพกพา จึงทำให้การดูแลผิวเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้นที่สามารถทำได้ง่ายๆด้วยตัวเองที่บ้าน