วิธีการดูแลและป้องกันการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า

ริ้วรอยบนใบหน้าเมื่อถูกกล่าวถึงไม่ว่าชายหรือหญิงก็คงรู้สึกไม่อยากเจอ หรือพยายามหาวิธีที่จะชะลอหรือหยุดยั้งการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าให้ดีที่สุด การเกิดริ้วรอยบนใบหน้าไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยบนหน้าผาก ริ้วรอยร่องแก้ม ริ้วรอยระหว่างคิ้ว ริ้วรอยใต้ตา ล้วนแล้วแต่มีสาเหตุแห่งการเกิดริ้วรอยทั้งสิ้น คงจะดีไม่น้อยหากเราๆท่านๆรู้เท่าทันที่จะป้องกันก่อนการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า ร่วมถึงสามารถดูแลรักษาเมื่อเกิดริ้วรอยก่อนวัยบนใบหน้าเหล่านี้ได้ ฉะนั้นเรามาทำความรู้จักกับประเภทของ

ริ้วรอย เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่ทุกๆคนต้องเผชิญ แน่นอนว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดริ้วรอยได้ แต่สามารถที่จะเรียนรู้เพื่อที่จะชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้

วิธีดูแลป้องกันการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าตามประเภทของริ้วรอยกันดังนี้

ริ้วรอยตามอายุ (Old Wrinkles)

เราคงหลีกเลี่ยงการเกิดริ้วรอยตามอายุที่เกิดขึ้นตามกลไกธรรมชาติไปไม่ได้ เมื่ออายุเรามากขึ้นเซลล์ต่างๆใต้ผิวหน้าเริ่มเสื่อมสภาพริ้วรอยก็ตามมา จากริ้วรอยบางๆ ที่ใต้ตา คิ้ว ริ้วรอยบนหน้าผากเมื่ออายุ 20 ต้นๆ กลายเป็นริ้วรอยที่เด่นชัดเมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยตามอายุไข เริ่มจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รับประทานผักผลไม้ที่เป็นแหละวิตามิน ที่ทำหน้าที่เป็นสารแอนติออกซิแดนท์ ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิวใหม่ เช่น พวกเบอร์รี่ต่างๆ ผักใบเขียว ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อการเพิ่มออกซิเจนให้กับผิวของเรา

ริ้วรอยจากแสงยูวี (Sun-dried Wrinkles)

การสัมผัสกับแสงแดดหรือแสงยูวีนานๆ จะทำให้ผิวหนังเสื่อมทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยบนใบหน้า เกิดรอยฝ้าและตกกระ โดยเฉพาะจากรังสี UVA ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระที่ผิวหนังได้ โดยที่อนุมูลอิสระนี้จะไปทำลายเซลล์ผิวหนังจากภายในเซลล์เอง และลงไปทำลายชั้นของคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้เกิดผิวหนังหมองคล้ำ หย่อนยาน เกิดรอยตีนกามากมาย ป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงแสงแดดยามสาย (หลัง 10 โมงเช้าเป็นต้นไป) หมั่นบำรุงรักษาเติมความชุ่มชื่นให้กับผิว ดูแลผิวหน้าสม่ำเสมอ ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้งอย่างน้อย SPF 15 เพื่อป้องกันรังสียูวีที่มาทำร้ายผิวหน้าเราทำให้เกิดริ้วรอยไม่พึงประสงค์

ริ้วรอยจากแรงโน้มถ่วง (Gravity-Prone Grooves)

เป็นริ้วรอยที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงของโลกที่ดึงผิวพรรณให้หย่อนคล้อย ลง บริเวณที่เห็นชัดของการหย่อนคล้อยบนใบหน้าจะอยู่ตรงบริเวณ หนังตา มุมปาก เนื่องจากเป็นส่วนที่บอบบางมากที่สุด ตามมาด้วยบริเวณคาง แก้ม และขากรรไกร เมื่อผิวหนังบนใบหน้าหย่อนคล้อยโอกาสในการเกิดรอยผับบนผิวหน้าก็มีมากซึ่งจะก่อให้เกิดริ้วรอยบริเวณใบหน้าในที่สุด ถึงแม้ริ้วรอยจากแรงโน้มถ่วงจะเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้แต่เราสามารถชะลอการเกิดริ้วรอยนี้ได้ด้วยการพยามถนอมผิว ใช้ครีมชะลอริ้วรอยอย่างถูกวิธีด้วยการทาเกลี่ยวนครีมขึ้นด้านบน เพื่อเป็นการนวดบริหารใบหน้าให้กระชับไม่เหี่ยวย่น

ริ้วรอยจากการหดตัวของกล้ามเนื้อบนใบหน้า (Expression Lines)

เกิดจากการแสดงอารมณ์ทางสีหน้าที่เราใช้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้ามัดเล็กบริเวณเดิมบ่อยๆ ทำให้เกิดการหดตัวและคลายตัวซ้ำๆของกล้ามเนื้อบริเวณนั้น เช่นการหัวเราะ การยิ้ม การขมวดคิ้ว ทำให้เกิดเป็นร่องริ้วรอยบนหน้าผาก ริ้วรอยร่องแก้มขณะยิ้มหรือหัวเราะ ริ้วรอยระหว่างคิ้วจากการขมวดคิ้ว หรือเกิดรอยตีนกาบริเวณหางตา สามารถป้องกันโดยการแสดงสีหน้าแต่พอดี ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมซ้ำๆที่นำมาซึ่งการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า เช่น การขยี้ตาแรงๆ ลดความเครียดของตนเองลงเนื่องจากคนส่วนใหญ่มักขมวดคิ้วจากความเครียดความกังวลโดยไม่รู้ตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้นำมาสู่ริ้วรอยก่อนวัยบนใบหน้า

ริ้วรอยที่เกิดจากการกดทับขณะนอน (Sleep Lines)

การนอนเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดริ้วรอยที่มาจากการนอนกดทับวันละหลายชั่วโมง การนอนในท่าทางที่ถูกต้องสามารถชะลอการเกิดริ้วรอยได้มาก ท่านอนที่ดีที่สุดสำหรับป้องกันการเกิดริ้วรอยคือท่านอนหงายเป็นการลดโอกาสที่ใบหน้าจะกดทับกับหมอนอันจะทำให้เกิดสิวและริ้วรอยบนใบหน้าได้อีกด้วย เลี่ยงการนอนคว่ำ หรือนอนตะแคง และควรนอนหมอนที่ไม่สูงเกินไปจนทำให้เกิดรอยพับบริเวณผิวของลำคอ

ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีต่างๆเข้ามาช่วยในการรักษาริ้วรอยที่เกิดขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามเราควรที่จะศึกษาและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมให้กับผิวของเรา

การรักษาริ้วรอยบนใบหน้าที่เห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย

การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นการใช้กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) ฉีดเข้าไปตามร่องแก้มหรือใต้ตาเพื่อเติมเต็มร่องริ้วที่เกิดขึ้น แต่อาจเกิดอาการบวมและอักเสบหลังฉีด หากฉีดเข้าไปแล้วการเอาสารที่ฉีดเข้าไปออกมาเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ต้องใช้เวลา 1-2ปี เพื่อให้สารเหล่านี้สลายตัวไปเอง
การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) เป็นการทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวเพื่อลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อมักนิยมฉีดบริเวณหน้าผากและรอบดวงตา แต่ไม่ได้เป็นการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
การร้อยไหมกระชับใบหน้า (Fine Thread Lifting) เป็นการสอดเอาไหมที่สามารถละลายได้ลงไปใต้ชิ้นผิว เพื่อไปช่วยในการกระตุ้นทำให้ผิวสร้างชั้นผิวและคอลลาเจนขึ้นมาทดแทนส่วนที่ถูกทำลายไป แต่อาจส่งผลให้เกิดอาการบวมหลังทำ รวมถึงไม่สามารถเข้าเครื่อง MRI ได้
การทำเลเซอร์ลบริ้วรอย (Laser) เป็นการยิงพลังงานแสงเข้มข้นลงไปในชั้นผิว เพื่อให้ผิวสร้างชั้นผิวขึ้นมาใหม่ แต่จะช่วยกระชับผิวได้ประมาณ 1 เดือน และจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง
การทำ IPL (Intense Pulsed Light) เป็นการใช้คลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นในช่วง 420-1200 นาโนเมตร ซึ่งสามารถลงลึกเข้าสู่ชั้นผิวได้ จึงสามารถช่วยให้หน้าใสไปพร้อมกับฟื้นฟูสภาพผิวและยังส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว เพื่อเป็นการช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า นอกจากนั้นความยาวในช่วงคลื่นที่ได้กล่าวมานั้นยังสามารถที่จะรักษาปัญหาผิวต่างๆทีครอบคลุมให้กับผิวของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น สิว, รอยสิว, ริ้วรอย, กระตุ้นคอลลาเจน, ฝ้า, กระ และ จุดด่างดำ บนผิวของเราไปพร้อมๆกัน รวมถึง IPL ยังสามารถที่จะกำจัดขนถาวรในส่วนที่เราไม่ต้องการได้อีกด้วย ซึ่งผู้ใช้งานสามารถที่จะปล่อยหัวในการใช้งานเครื่อง IPL ของ PiOne ได้ตามความต้องการทั้ง หัว Skin Care และ หัว Hair Removal ที่ใช้งานได้ด้วยตัวเองที่บ้าน ด้วยระบบการใช้งานที่ง่ายและมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *